2552-02-26











ใครที่รู้สึกปวดหลังบ่อย ๆ ทราบหรือไม่ว่า
อาการอย่างไหนถึงต้องรีบรักษาให้ทันท่วงที
วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝากกัน...
อาการปวดหลัง อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
เพราะกระดูกสันหลังมีความสำคัญและยังมีส่วนเกี่ยวข้อง
กับอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบประสาท
ดังนั้น เมื่อเกิดปวดหลังขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
ก็อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะจะทำให้เรื้อรังและ
อาจจะเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติในร่างกายก็ได้
ลักษณะอาการปวดหลังที่จำเป็นต้องรีบเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที
ได้แก่
1. อาการปวดหลังร่วมกับแขนขาชาไม่มีแรง
กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ ซึ่งลักษณะอาการดังกล่าว
เป็นไปได้ว่าไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ
ทางที่ดีควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
เพื่อทำการเอ็กซเรย์ตรวจดูกระดูกสันหลังและ
หาตำแหน่งที่บาดเจ็บ บางรายเพียงให้นอนพักรักษาตัว
ก็อาจหายจากอาการดังกล่าวได้
แต่บางรายอาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด
2. ปวดหลังบริเวณเอวและมีไข้หนาวสั่น
สาเหตุของอาการอาจเกิดจากการติดเชื้ออักเสบของไต
เมื่อรักษาไตจนเป็นปกติดีแล้ว อาการปวดดังกล่าวก็จะหายไป
3. ปวดหลังจากยกของหนัก หรือออกกำลังกายมากเกินไป
รู้สึกว่าหลังขยับไม่ได้ หรือปวดร้าวไปจนถึงขาข้างใดข้างหนึ่ง
อาจเกิดจากหมอนรองกระดูกเคลื่อนเคล็ดไปกดทับเส้นประสาท
การรักษาจะต้องให้สวมเสื้อดามหลังและให้เข้ารับการทำกายภาพบำบัด
ส่วนในรายที่อาการหนักมากอาจต้องผ่าตัด
4. ปวดหลังเรื้อรังนานเป็นแรมเดือนและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากเป็นในคนอ้วน หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี
อาจเกิดขึ้นเนื่องจากโรคไขข้ออักเสบ
หรือกระดูกสันหลังสึกกร่อน การรักษาในกรณีนี้แพทย์
จะให้ยาแก้ปวดมาทาน ให้รับการทำกายภาพบำบัด
สวมเสื้อดามหลัง แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพิ่มขึ้น
ถ้าเป็นคนอ้วนมากก็จะต้องให้ลดน้ำหนัก
5. อาการปวดหลังที่เกิดในสตรีมีครรภ์
อาจเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น
ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้
เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อยึดกระดูกหย่อนยาน
การแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของทารก
หรือมดลูกที่โตขึ้นกดทับเส้นประสาททำให้
ปวดหลังจนร้าวไปถึงขาได้รู้อย่างนี้แล้ว
ถ้ารู้สึกปวดหลังแบบผิดสังเกต ก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
ที่มา เดลินิวส์ http://variety.hunsa.com/detail.php?id=1849

2552-02-23






วันนี้เกร็ดความรู้มี 10 ผลไม้ไทย
ที่มีสารต้านมะเร็งสูงมาฝากกัน...
กรมอนามัยวิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง
นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์
กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
กล่าวว่า จากการทำวิจัย "องค์ความรู้เรื่องปริมาณ
สารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ
(วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้
" ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า
ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูง
(ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม)คือ
1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 2. มะเขือเทศราชินี
3. มะละกอสุก 4. กล้วยไข่ 5. มะม่วงยายกล่ำ
6. มะปรางหวาน 7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง
8. มะยงชิด 9. มะม่วงเขียวเสวยสุก
10. สับปะรดภูเก็ต
ผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย
1. แก้วมังกร 2. มะขามเทศ 3. มังคุด
4. ลิ้นจี่ 5. สาลี่
ส่วน 10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ
1. ฝรั่งกลมสาลี่ 2. ฝรั่งไร้เมล็ด 3. มะขามป้อม
4. มะขามเทศ5. เงาะโรงเรียน 6. ลูกพลับ
7. สตรอเบอร์รี่ 8. มะละกอสุก
9. ส้มโอขาว 10. แตงกวา
11. พุทราแอปเปิล
ผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ
1. ขนุนหนัง 2. มะขามเทศ
3. มะม่วงเขียวเสวยดิบ 4. มะเขือเทศราชินี
5. มะม่วงเขียวเสวยสุก 6. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
7. มะม่วงยายกล่ำสุก8. แก้วมังกรเนื้อสีชมพู
9. สตรอเบอร์รี่ 10. กล้วยไข่
ลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี
และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว
คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล
ส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ
มะเขือเทศราชินี
ทั้งนี้ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี
เป็นกลุ่มของสารอาหารที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ
ที่ก่อให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ
เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง
โรคหัวใจและหลอดเลือด สารทั้ง 3 ตัว
โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก
ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจได้
จึงควรรับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควรทุกวัน
หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี

2552-02-17

Nakhonphanom นครพนม


จวนผู้ว่าฯ หลังเก่า เป็นตึกแบบฝรั่งเศส ประตูหน้าต้างทุบานตรงกัน
ซึ่งความเชื่อของคนไทยเชื่อว่าอาถรรพ์
อยู่ไม่ได้ ไม่รู้เท็จจริงอย่างไร

อาคารหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ
ก่อนหน้านี้เป็นศาลากลาง จังหวัด
ปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงกลายเป็นหอสมุดแห่งชาติ
เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
มีรูปแบบของอาคารฝรั่งเศส ทั้งหลัง ทาด้วยสีเหลือง
ซึ่ง สีเหลือง นั้น นิยมเพราะ เขาเชื่อว่า ขึ้นรายาก
ตั้งอยู่กลางเมืองเลย สร้าง ปี 2456 แบบแปลน มาจากเชียงราย
อำนวยการสร้างโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ท่านแรก
พระยาพนมนครานุรักษ์ (อุ้ย นาครทรรพ)
ควบคุมการสร้าง นายสุมัง ปทุมชาติ ปลัดขวาเมืองนครพนม
แรงงานใช้นักโรงเรือนจำเมืองนครพนม
ไม้ที่ใช้ได้จากอำเภอศรีสงครามเป็นไม้ตะเคียน
วัดนักบุญอันนา หนองแสงตั้งอยู่บนถนนสุนทรวิจิตร
เลียบเขื่อนหน้าเมืองนครพนม สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1926
โดยคุณพ่อเอทัวร์ นำลาภ อธิการโบสถ์
วัดนักบุญอันนาหนองแสงนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนานาชาติ
ที่มีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่สถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา

หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
เป็นเหมือนสิ่งแทนความขอบคุณของชาวเวียดนาม
ที่มีต่อแผ่นดินไทยเมือคราวที่อพยพกลับประเทศในปี 2503








2552-02-15







โบท็อกซ์ (BOTOX)
"โบท็อกซ์" (Botox) เป็นชื่อทางการค้า (trade name) ของสาร
โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ(Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีน ชนิดหนึ่ง
ที่สร้างจาก แบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม(Clostridium botulinum)
ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์ หากได้รับในปริมาณมากๆ เช่น จากอาหารกระป๋องที่ปนเปื้อนด้วยเชื้อตัวนี้
ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จากการที่กล้ามเนื้อกระบังลมไม่ทำงาน ผู้ป่วยจึงหยุดหายใจ
โบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์ อย่างไร? โบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับ
ส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้
กล้ามเนื้อจึงคลายตัว หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือเกิด อัมพาตของกล้ามเนื้อเล็กๆนั้น
โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน และเห็นผลสูงสุดในเวลาประมาณ7– 14 วัน
แล้วแพทย์เอา "สารพิษ" นี้มาใช้ทำไม? แพทย์ทราบมานานหลายสิบปีแล้วว่าหากฉีดเข้า
ไปในกล้ามเนื้อในปริมาณน้อยๆ โบทูลินั่ม ท็อกซิน จะทำให้กล้ามเนื้อ "คลายตัว"
ดังนั้นในยุคแรกๆ จักษุแพทย์จึงนำโบทูลินั่ม ท็อกซิน มาฉีดรักษาโรคตาเหล่ ตาเข
และโดยบังเอิญจากการฉีดรักษาในบริเวณรอบดวงตานี้เอง ก็ทำให้แพทย์พบว่าริ้วรอยบริเวณใบหน้า
โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากหว่างคิ้วและรอบดวงตาดีขึ้นด้วย
ในยุคต่อมาจึงมีการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน เพื่อประโยชน์ในด้านความสวยงามตามมาอย่างแพร่หลาย
และมีเทคนิควิธีการที่ต่างๆ กันออกไป มีการนำมาฉีดเพื่อทำให้หน้าเรียวลง
ยกกระชับผิวหนัง ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ตลอดจนรักษาอาการปวดศีรษะ
ปวดเกร็งต้นคอ และอีกหลายกรณี ในประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวมีการฉีดกันเป็น ล้านๆครั้ง
ต่อปี ผลของการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน อยู่นานเท่าใด? โดยทั่วไปผลของการฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ
3-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าฉีดรักษาอาการอะไร ฉีดบริเวณใด ฉีดเป็นครั้งแรกหรือเป็นการฉีดซ้ำ
ผู้รับการรักษาอายุเท่าใด ซึ่งการที่ผลการรักษาอยู่ไม่ถาวรนั้น ที่จริงอาจนับได้ว่าเป็นข้อดี
เพราะหากผลที่ได้รับไม่เป็นที่น่าพอใจ ในที่สุดก็จะค่อยๆ หายไปเองได้ข้อเสียก็คือสิ้นเปลือง
เพราะหากได้ผลดี ถูกใจก็ต้องฉีดซ้ำเรื่อยๆ
โบท็อกซ์ อันตรายหรือไม่ จากการรวบรวมผู้ป่วยที่ได้รับการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน
จำนวนมากในต่างประเทศ พบว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต เมื่อใช้โดยผู้เชี่ยวชาญและใช้ฉีด
เพื่อความสวยงามผลข้างเคียงส่วนมากที่เกิดขึ้นมักเป็นแบบเฉพาะที่ เช่น หนังตาตก
กลืนอาหารลำบาก หน้าไม่สมมาตรหรือจุดเลือดออกในบริเวณที่ฉีด
ซึ่งเกิดได้แม้ในมือผู้เชี่ยวชาญดังนั้นแพทย์
และผู้ทำการรักษาจึงควรคุยกันโดยละเอียดก่อนการฉีดทุกครั้ง
เมื่อเกิดผลข้างเคียงแล้วจะทำอย่างไร? ดังที่ได้กล่าวแล้วตอนต้นว่าผลจากการฉีด
โบทูลินั่มท็อกซิน นั้นจะค่อยๆ หมดไปเองภายในเวลาเป็นเดือน ดังนั้นผู้รับการรักษาจึงใจเย็นๆ
และค่อยๆ รอให้ผลของโบทูลินั่มท็อกซิน หมดไปเองก็ได้ ส่วนในกรณีที่เกิดหนังตาตกนั้น
ผู้รับการรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นกรณีไป
ข้อมูล :รศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ ประธานวิชาการ
สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
เอกสารเผยแพร่ของแพทยสภา โดย นอ.(พิเศษ)นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา

2552-02-11

เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียว(ทุ่งกะมัง) จังหวัดชัยภูมิ














เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียว(ทุ่งกะมัง) จังหวัดชัยภูมิhttp://www.kanchanapisek.or.th/kp8/cyp/cyp106.html

ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเพชรบูรณ์ ทางด้านทิศตะวันออก มีลักษณะคล้ายรูปเกือกม้า บริเวณใกล้สันเขาจะเป็นผาสูงชันตลอดทั้งแนว มีลักษณะภูมิประเทศ ประกอบด้วยเทือกเขาหินทราย ล้อมรอบที่ราบสูงตอนกลาง ซึ่งมีสภาพเป็นป่าทึบมีความชุ่มชื้นสูง มีทุ่งหญ้าซึ่งบางแห่งจะกลายเป็นบึงในฤดูฝน สลับธารน้ำไหล ทำให้เหมาะสม อย่างยิ่งสำหรับสัตว์ป่า ทางด้านทิศตะวันออกและ ใต้เป็นภูเขาสูงชัน เรียงรายสลับซับซ้อน บางส่วนเป็นเทือกเขาหินปูนที่ประกอบด้วยถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามแห่งหนึ่ง เช่น ถ้ำครอบ ถ้ำผาเทวดา มีระดับความสูงของพื้นที่จากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ ๓๐๐ เมตร ถึง ๑,๓๐๐ เมตร โดยประมาณ เนื่องจากพี้นที่เป็นภูเขา และที่ราบสูง จึงทำให้เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิเช่น แม่น้ำชี ที่ต้นน้ำประกอบด้วย ห้วยไขว้ ห้วยเพียว ห้วยยอดชี และห้วยอ้ายเสา ลำน้ำสะพุง ซึ่งเกิดจากการไหลรวมตัวกันของลำห้วยลำธารบริเวณตอนกลางเทือกเขาหินทรายรูปเกือกม้า ไหลไปรวมกับแม่น้ำชี ในพื้นที่อำเภอหนองบัวแดงและลำน้ำพรมที่เกิดจากลำห้วยต่างๆ บริเวนตอนเหนือของพื้นที่เขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าภูเขียว
(ทุ่งกระมัง ทุ่งกะมัง เป็นที่ราบกว้างใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยทุ่งหญ้าซึ่งเรียกว่า "หญ้าสะบัด" กว้างขวางเขียวขจีล้อมรอบด้วยภูเขา ในเนื้อที่กว่า ๑ ล้านไร่ อยู่ในเขตอำเภอคอนสาร ภูเขียวและเกษตรสมบูรณ์ เป็นโครงการในสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่าและนำสัตว์ป่าคืนถิ่น เพราะในบริเวณนั้นมีสัตว์ประเภท เก้ง กวาง กระจง และนกต่างๆ ชุกชุม ได้มีการนำเอาดินโป่งไปใส่ไว้เป็นจุดๆ ใกล้อ่างเก็บน้ำ เพื่อให้สัตว์มากินดินโป่งนั้น สำหรับทุ่งหญ้าเขียวขจีนั้นก็เป็นอาหารของเก้ง และกวาง ในฤดูร้อน บางครั้งมีไฟป่าพัดมาทำให้ต้นหญ้าถูกไฟ ป่าไหม้หมด แต่เมื่อถึงเวลาฝนตกลงมรา ต้นหญ้าก็จะแตกต้นอ่อนขึ้นมาเขียวขจีอีกครั้งเพื่อเป็นอาหารของ สัตว์ต่อไป บนยอดเนินเหนือบริเวณทุ่งกะมัง มีพระตำหนักที่ประทับอยู่เหนืออ่างเก็บน้ำ การเดินทางไป ทุ่งกะมังใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่จะไปเขื่อน)
การเดินทาง การเดินทางไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวโดยทางรถยนต์ เริ่มจากอำเภอชุมแพจังหวัดขอนแก่น ไปตามเส้นทาง ขอนแก่น-หล่อสัก
ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร แยกซ้ายไปตามเส้นทางคอนสารเขื่อนจุฬาภรณ์ ถึงศูนย์พิทักษ์ป่าภูเขียวที่ ๒ ปางม่วง บริเวณ กิโลเมตรที่ ๓๖ เริ่มเข้าสู่สำนักงานเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียว ที่ด่านตรวจปางม่วง ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์พิทักษ์ป่าภูเขียวที่ ๒ และอาคาร บริการผู้มาเยือน เดินทางต่ออีก ๗ กิโลเมตร ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าศาลาพรม และเมื่อเดินทางต่อไปอีก ๑๗ กิโลเมตร จะถึงสำนักงาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว บริเวณทุ่งกะมังรวมระยะทางจากอำเภอชุมแพถึงทุ่งกะมัง ๘๐ กิโลเมตร









ฮวงจุ้ย???













ฮวงจุ้ย : แก้เคล็ดฮวงจุ้ยด้วยสี
มีเคล็ดลับการแก้ฮวงจุ้ยด้วยสีมาบอกกันจ้า...
1.สีแดง xxx เสริมดวงการเงิน เกียรติยศชื่อเสียง พลังชีวิต แก้ไขความอ่อนแอของจิตวิญญาณ
2.สีชมพู vvv เสริมความนุ่มนวล ความห่วงใยอาทร แก้ไขความเย็นชา ปราศจากความรัก และความอ่อนโยน
3.สีม่วงwwww เสริมความมั่งมีศรีสุข และชื่อเสียงลาภยศ แก้ไขความหยุดนิ่งของดวงชะตา
4.สีเขียวbbb เสริมความสงบ ความหวัง และความมั่นคงปลอดภัย แก้ไขความติดขัด อุปสรรคต่าง ๆ และความวุ่นวาย
5.สีเหลือง dddd เสริมอำนาจบารมีและโชคทรัพย์ แก้ไขความตกต่ำ ความอ่อนแอ และความแห้งแล้งของจิตใจ
6.สีส้มeee เสริมความคิดริเริ่ม และความสุข แก้ไขความทึบ ความหม่นหมอง และความถดถอยทางจิตวิญญาณ
7.สีฟ้าyyy เสริมความอบอุ่น การเจริญเติบโต การพัฒนาต่างๆ แก้ไขความเศร้า ความแตกแยก
และการหยุดนิ่งเฉื่อยชาของอารมณ์จิตใจ
8.สีเทาuuuuเสริมความสมดุล ความเรียบง่าย แก้ไขความวุ่นวายไร้ระเบียบ
9.สีดำjjjjเสริมความเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง แก้ไขความเลื่อนลอย ขาดเอกภาพ
10.สีน้ำตาลkkkkเสริมความมั่นคง บารมี ความสง่างาม แก้ไขความผันแปรต่าง ๆ
อันนี้เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล ใครอยากแก้ฮวงจุ้ยแบบไหน ลองเลือกสีได้ตามต้องการ










2552-02-10























กระโถนพระฤาษี ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sapria himalayana Griff.
ชื่อวงศ์ :RAFFLESIACEAE
ชื่ออื่นๆ : กระโถนฤาษี
ลักษณะ : พืชเบียน เกาะอาศัยตามรากไม้ชนิดอื่น มีลักษณะเป็นก้อนกลม ติดอยู่กับรากไม้ ภายในจะมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ โดยใช้เวลาประมาณ 10 เดือน จึงจะมีดอก ดอกออกเดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่มคล้ายเห็ด ดอกอ่อนรูปร่างกลมๆ ขนาดผลมะนาว เมื่อโตจะบานเต็มที่มีขนาดผ่าศูนย์กลาง 10-15 ซม. กลีบดอกอุ้มน้ำติดกันเป็นถ้วยขึ้นมาจากฐาน ปลายแยกเป็นแฉกประมาณ 10 แฉก ตรงบริเวณกึ่งกลางถ้วยด้านในจะมีพังผืดติดอยู่เป็นรูปวงแหวน จากรูวงแหวนจะมองเห็นกลุ่มเกสรผู้ประมาณ 20 อัน ติดอยู่รอบแท่นกลมๆ โคนดอกจะมีกาบใหญ่ๆ รองหุ้มประสานกันเป็นเกล็ดแข็งๆ
การกระจายพันธุ์และนิเวศวิทยา : พบขึ้นในอินเดีย พม่า ไทย มาเลเซีย พลบเกาะอาศัยตามรากของเครือเขาน้ำ ตามป่าดิบชื้น ที่ความสูง 800-1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ประโยชน์ : ยังไม่ได้มีการศึกษา แต่เป็นพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย เนื่องจากสภาพป่าที่เหมาะสมของพืชชนิดนี้ถูกทำลาย
ข้อมูลจากเอกสาร : หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 2

2552-02-04












หย่ากาแฟไม่ให้ปวดหัว (ชีวจิต)
แม้หลายคนพยายามลด ละ เลิก เพื่อสร้างสุขภาพดีอย่างยั่งยืน แต่พองดดื่มไปซักมื้อสองมื้อก็เกิดอาการต่างๆ
นานาเสียแล้ว แต่ที่พบบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นอาการปวดหัว นอกจากความตั้งใจจริงแล้ว ลองทำตามวิธีเลิกกาแฟไม่ให้ปวดหัวดังนี้
1. ลดจำนวนถ้วยจากปกติลง 1 ถ้วย สัก 3-4 วัน จนรู้สึกว่าไม่กระวนกระวายแล้ว
2. ขั้นต่อมาให้ผสมกาแฟที่ไม่มีกาเฟอีน (decaf) ลงไป แล้วค่อยๆเพิ่มปริมาณของกาแฟที่ไม่มีกาเฟอีนทดแทนกาแฟ
กติลงไปให้มากขึ้น
3. งดอาหารและเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ที่มีกาเฟอีนด้วย เช่น เครื่องดื่มประเภทโคล่า
4. สำหรับคนที่สูบบุหรี่และดื่มกาแฟในปริมาณมากอยู่แล้ว แนะนำให้ค่อยๆ เลิกทั้งสองอย่างพร้อมกัน เนื่องจากคนสูบบุหรี่สามารถนำกาเฟอีนในกระแสเลือดไปใช้ได้เร็วกว่าคนไม่สูบบุหรี่ หากไม่ลดจำนวนมวนบุหรี่ที่สูบ แต่ลดจำนวนกาแฟลง จะทำให้ปริมาณกาเฟอีนในกระแสเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการปวดหัว เพื่อป้องกันอาการปวดหัวและอาการกระวนกระวาย จึงควรค่อยๆลดบุหรี่ไปพร้อมๆ