2553-12-26
2553-12-12
2553-11-22
2553-10-19
พาราเซตามอล
ยาพารา ชื่อนี้มีดีที่ตรงไหน
พาราเซตามอล หรือ ยาพารา มีอีกชื่อหนึ่งว่า Acetaminophen
ได้ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อศตวรรษที่18 แต่ว่าเริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อปี 1955
และจัดว่ายาพาราเซตามอลเป็นยาสามัญประจำบ้าน
ซึ่งเป็นยาที่ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดไข้ได้อย่างดี
และเป็นยาแก้ปวดตัวแรก ๆ ที่แพทย์จะเลือกใช้กับคนไข้
เนื่องจากมีความปลอดภัย และไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
โดยปริมาณการกินที่ถูกต้อง
คือ ยาพาราเซตามอล 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม
ถ้าใครมีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม ก็ต้องใช้ยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม
หรือ 1 เม็ด นั่นเองค่ะ แล้วก็กินห่างกัน 4 – 6 ชั่วโมงต่อครั้ง
ถึงแม้ว่ายาพาราจะไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย
แต่ก็ไม่ควรติดต่อกัน 5 วัน
เพราะจะมีผลต่อตับได้ และผู้ป่วยโรคที่
เป็นโรคตับก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
และไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ขณะกินตัวยานี้ด้วย
2553-10-04
2553-08-24
วิธีแก้เผ็ด
ไม่ได้กำลังแนะนำให้โต้ตอบใครที่เขาทำให้เจ็บใจหรอกนะ
แต่หมายถึงวิธีแก้ความเผ็ดเวลาที่เผลอกินพริกเม็ดจิ๋ว
ไม่ได้กำลังแนะนำให้โต้ตอบใครที่เขาทำให้เจ็บใจหรอกนะ
แต่หมายถึงวิธีแก้ความเผ็ดเวลาที่เผลอกินพริกเม็ดจิ๋ว
แต่เผ็ดร้อนแรงยิ่งนักต่างหาก
ความเชื่อเก่า: ดื่มน้ำเย็นตามทันที เพื่อหวังดับความเผ็ดร้อน
ความเชื่อเก่า: ดื่มน้ำเย็นตามทันที เพื่อหวังดับความเผ็ดร้อน
ก่อนจะพ่นไฟเป็นมังกร
ผลที่ได้: ไม่ได้ช่วยให้หายเผ็ด แต่กลับกลายเป็นว่า
ผลที่ได้: ไม่ได้ช่วยให้หายเผ็ด แต่กลับกลายเป็นว่า
การดื่มน้ำจะยิ่งไปกระจายความเผ็ดให้ทั่วปากมากขึ้นแทน
วิธีแก้เผ็ด : รับประทานข้าว ขนมปัง หรือจะดื่มนม จากนั้นค่อยอมลูกอมก็ได้
วิธีแก้เผ็ด : รับประทานข้าว ขนมปัง หรือจะดื่มนม จากนั้นค่อยอมลูกอมก็ได้
เพราะความหวานในอาหาร เครื่องดื่ม หรือลูกอมเหล่านี้
จะช่วยดูดซับสารแคปไซซิน(Capsaicin) ที่เป็นตัวการให้เกิดความเผ็ดร้อน
เมื่อลิ้นหรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไปสัมผัสเจ้าพริกเม็ดจิ๋วเข้า
หรือ ดื่มน้ำมะนาว น้ำมะเขือเทศสดๆ จะช่วยแก้เผ็ดได้เพราะกรดจะไปทำปฏิกิริยากับสารดังกล่าว
หรือ ดื่มน้ำมะนาว น้ำมะเขือเทศสดๆ จะช่วยแก้เผ็ดได้เพราะกรดจะไปทำปฏิกิริยากับสารดังกล่าว
ซึ่งเป็นด่าง ทำให้ความเผ็ดแผลงอิทธิฤทธิ์น้อยลง
ที่มา: นิตยสาร Lisa vol.5 no.30 วันที่ 7.10.2004
2553-06-27
ล้างผักลดพิษ (Momypedia)
ล้างผักลดพิษ (Momypedia)
หากไม่สามารถหาซื้อผักปลอดสารพิษหรือปลูกผักกินเองได้
อาจจำเป็นต้องกินผักที่ฉีดสารเคมีกำจัดแมลง
การล้างผักเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยลดพิษภัยจากสารเคมีได้
1.ผสมโซเดียมไซคาร์บอเนต (ผงฟู) 1 ช้อนโต๊ะ
ในน้ำอุ่น 1 กะละมัง (20 ลิตร) แช่ผักทิ้งไว้นาน 15 นาที
จะลดปริมาณสารพิษได้รอยละ 90-95
2.ใช้น้ำส้มสายชูละลายน้ำความเข้มข้น 0.5 %
(น้ำส้มสายชู 1 ขวดใหญ่ / น้ำ 4 ลิตร)แช่ผักทิ้งไว้นาน 15 นาที
จะลดปริมาณสารพิษได้ร้อยละ 60-84
3.ล้างผักโดยให้น้ำไหลผ่าน โดยเด็ดผักเป็นใบ ๆ ใส่ตะแกรงโปร่ง
เปิดน้ำให้แรงพอประมาณ คลี่ใบผักให้น้ำผ่านทั่วถึง ล้างนาน 2 นาที
จะลดปริมาณสารพิษได้ร้อยละ 54-63 แต่จะใช้น้ำค่อนข้างมาก
4.แช่ผักในน้ำสะอาด ล้างผักให้สะอาดจากสิ่งสกปรกด้วยน้ำครั้งหนึ่งก่อน
แล้วเด็ดเป็นใบๆ แช่ลงในอ่างนาน 15 นาที จะลดปริมาณสารพิษได้ร้อยละ 7-33
5.ลวกผักด้วยน้ำร้อน จะลดปริมาณสารพิษได้ร้อยละ 50 ส่วน
การต้มจะลดได้เท่ากับการลวกผัก แต่สารพิษอีกร้อยละ 50 จะยังคงอยู่ในน้ำแกง
2553-06-10
Beta-carotene
เบต้าแคโรทีน เพื่อหัวใจและสุขภาพ
อาหารที่มีเบต้า แคโรทีน (Beta-carotene) เช่น ฟักทอง มะเขือเทศ แตงโม แคนตาลูป บรอกโคลี ฯลฯ
ผักและผลไม้เหล่านี้มีประโยชน์ มีสารอาหารมากมาย มีวิตามิน และหนึ่งในสารอาหารมากประโยชน์ และเป็นสารอาหารยอดนิยมในการดูแลสุขภาพร่างกาย และสุขภาพหัวใจ ก็คือ เบต้าแคโรทีน
เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในพืชที่มีสีเหลืองและสีส้ม เบต้าแค่โรทีนถือเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งเมื่อรับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนแล้ว
ร่างกายจะทำการเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนให้กลายเป็นวิตามินเอ โดยกระบวนการแล้ว เบต้าแคโรทีนจะมีสูตรทางเคมีที่โรงสร้างใหญ่ แต่เมื่อผ่านสู่กลไกการทำงานของตับจะเปลี่ยนให้เบต้าแคโรทีนกลายเป็นวิตามินเอ ซึ่งมีโครงสร้างที่เล็กกว่า โดยโมเลกุลของเบต้าแคโรทีน 1 โมเลกุล
เมื่อผ่านกระบวนการของร่างกายจะกลายเป็นวิตามินเอ 2 โมเลกุล
Benefits of Beta-carotene...คุณประโยชน์ของเบต้า แคโรทีน อย่างที่ทราบแล้วว่า เบต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติเชื่อมโยงกับสารอาหารอย่างวิตามินเอ ซึ่งโดยมากแล้วจะอยู่ในไข่แดง เนื้อสัตว์ ตับ น้ำมันตับปลา และพืชบางชนิด โดยวิตามินเอนั้น มีคุณสมบัติโดยตรงกับประสิทธิภาพของการมองเห็นของประสาทสัมผัสทางสายตาบริเวณเรตินาของดวงตา ช่วยการมองเห็นในที่มีดหรือที่มีแสงน้อย
รวมถึงการซ่อมแซมรักษาเซลล์ที่เสื่อมสภาพ ไม่ว่าในอวัยวะต่าง ๆ หรือผิวพรรณ
อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟันอีกด้วย
คุณสมบัติที่โดดเด่นประการสำคัญ คุณสมบัติที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการการเจ็บป่วย ความแก่ชรา ความเหี่ยวย่น และที่สำคัญคือ เป็นตัวการที่นำเราไปสู่โรคร้ายหลาย ๆ โรค หนึ่งในนั้นคือโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจ โดยเบต้าแคโรทีน จะทำการกระตุ้นการทำงานของ T-helper Cell ซึ่งช่วยด้านการเกิดเซลล์มะเร็งได้ และสำหรับคนที่รักสุขภาพและอยากหนุ่มและสาวเสมอ
เบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชราได้อย่างดี นอกจากหนุ่มและสาวเสมอแล้ว ยังสุขภาพดีอีกด้วย
Where is Beta-carotene? หาเบต้า แคโรทีน ได้จากไหน ปัจจุบัน มนุษย์เราสามารถบริโภคสารอาหารที่มีส่วนผสมของเบต้าแคโรทีน ในพืชผักที่มีสารสีเหลือง สีส้ม และสีแดง ซึ่งพืชผักเหล่านี้มีรงควัตถุที่เป็นสารประกอบที่มีเบต้าแคโรทีนจำนวนมาก อาทิ ฟักทอง มะระ ผักบุ้ง ผักคะน้า ตำลึง แตงโม แคนตาลูป หัวผักกาด มะละกอ แครอต และสามารถรับประทานได้ในรูปแบบของอาหารเสริมประเภทต่าง ๆ และในเครื่องดื่มประเภทน้ำผัก ผลไม้คั้นสดที่มีส่วนผสมของเบต้าแคโรทีน เช่น น้ำแครอต น้ำแตงโม และน้ำแคนตาลูป
Best Beta-Carotene in Thai Fruits...ผลไม้ไทยนี่แหละ สุดยอดอาหารเบต้า แคโรทีน จากการศึกษาของกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ผลไม้ไทยเราที่มีปริมาณของเบต้าแคโรทีนสูง 10 อันดับแรก ได้แก่ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มะเขือเทศราชินี มะละกอสุก กล้วยไข่ มะม่วงยายกล่ำ มะปรางหวาน แคนตาลูปเนื้อเหลือง มะยงชิด มะม่วงเขียวสวยสุก และสับปะรดภูเก็ต
Best Beta-Carotene in Thai Fruits...ผลไม้ไทยนี่แหละ สุดยอดอาหารเบต้า แคโรทีน จากการศึกษาของกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ผลไม้ไทยเราที่มีปริมาณของเบต้าแคโรทีนสูง 10 อันดับแรก ได้แก่ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มะเขือเทศราชินี มะละกอสุก กล้วยไข่ มะม่วงยายกล่ำ มะปรางหวาน แคนตาลูปเนื้อเหลือง มะยงชิด มะม่วงเขียวสวยสุก และสับปะรดภูเก็ต
2553-05-07
30 ข้อคิดดีๆ เพื่อชีวิตมีสุข
30 ข้อคิดดีๆ เพื่อชีวิตมีสุข
1.นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง
2.ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเขาต้องยิ้มกลับมาทุกครั้งแน่
3.ลองปลูกต้นไม้เองสักต้น การเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้
4.หลับตานิ่งๆสักสามนาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากเหลือเกิน
5.ระหว่างแปรงฟัน ฮัมแพลงด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นสองเท่า
6.เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาดธรรมดา ก็จะอร่อยขึ้นเยอะเลย
7.ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหน ก็ต้องการให้หวีอย่างถนุถนอมเหมือนกันหมด
8.การขึ้นลงบันใดสูงๆ แบบไม่ให้เมื่อย คือการไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันใดขั้นที่เท่าไร
9.คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวย/หล่อมากๆทันที ที่คุณถามเขาว่า "ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ/ครับ?"
10.เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอทาน ไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่หย่อนลงกรป๋องหรอก
11.ควรหัดพูดคำว่า "ไม่เป็นไร" ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"
11.ควรหัดพูดคำว่า "ไม่เป็นไร" ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"
12.ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาที รับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนก่อน
13.สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้จึงควรเล่าให้มันฟัง
14.อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด
15.เขียนชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ
16.ให้ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้งแล้วแทบดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องให้
17.ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้มได้เสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง
18.ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อยสามข้อก่อน
19.ถึงเสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนมันมีเยอะเอง
20.ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้กินได้ 4 คนถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง
21.เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ดีกว่า ให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนที่ให้ไม่ได้
21.เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ดีกว่า ให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนที่ให้ไม่ได้
22.ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกก็จะดีขึ้น
23.แอบรักใครสักคน ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร
24.ถึงจะไม่ออกไปไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นิ
25.ฝึกโรแมนติกง่ายๆ คนเดียวบ้าง ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน
26.ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนใสได้ ทำไมคุณจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้
27.พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม มันอาจจะไม่สนุกแต่ก้มีประโยชน์แฝงอยู่
28.วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าทีจะนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย
29.แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาที่เดินผ่าน ก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว
30.ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน แม่จะได้มีค่าขนมเพิ่มขึ้นอีกหลายบาท
2553-02-10
ดื่ม.....นม
วิธีดื่มนมไม่ให้ท้องเสีย
คนเราเมื่อพ้นวัยเด็ก น้ำย่อยชื่อเลคเตส
ที่ช่วยย่อยน้ำตาลในนมที่เรียกว่า น้ำตาลแลคโตส
จะลดลงหรือหมดไป
ดังนั้นเมื่อดื่มนมแล้ว น้ำตาลในนมจะผ่านไปสู่ลำไส้ใหญ่
แล้วถูกย่อยด้วยจุลินทรีย์ เกิดเป็นกรดและแก๊ส
แต่ก็จะมีเพียงบางคนเท่านั้นที่มีมากจนเกิดอาการไม่สบายท้อง
วิธีแก้ คือ ควรดื่มนมหลังมื้ออาหาร คนที่เกิดอาการท้องเดิน
หรือแน่นท้องจากการดื่มนมในขณะท้องว่าง
ควรดื่มหลังมื้ออาหาร หรือรับประทานอาหารว่างไปกับการดื่มนม
เพราะแก๊สที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันจำนวนมากจนเกิดอาการไม่สบายในท้องอีก
ถ้าหากยังมีปัญหาอยู่ควรจะรับประทานเป็นโยเกิร์ตแทน เพราะในขั้นตอนการผลิต
ได้ใส่เชื้อจุลินทรีย์ลงไปย่อยน้ำตาลนมไปเรียบร้อยแล้ว
2553-01-09
สตรอวเบอร์รี่
สตรอวเบอร์รี่! ผลไม้น่าเอ็นดูชนิดนี้มีประโยชน์มากมายเช่น
1.ดูแลสายตา ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาส่วนใหญ่จะเกิดจากอนุมูลอิสระ และการขาดสารอาหารบางชนิด และเมื่ออายุมากขึ้น ดวงตาของเรายิ่งถูกทำร้ายได้ง่าย ทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเสื่อมสภาพ แต่สตรอวเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างวิตามินซี
ฟลาโวนอยด์ กรดฟีโนลิก และกรดเอลลาจิก ซึ่งช่วยชะลอกระบวนการดังกล่าว
แถมยังมีโพแทสเซียมซึ่งช่วยปรับความดันในตาให้เป็นปกติอีกด้วย
2.ป้องกันโรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ เมื่อกล้ามเนื้อถูกใช้งานนาน ๆ เข้า
กล้ามเนื้อก็มีแต่จะถดถอยของเหลวบริเวณข้อต่อกระดูกก็จะเหือดแห้งลงไปเรื่อย ๆ
และร่างกายก็สะสมสารพิษอย่างกรดยูริกเอาไว้มากขึ้น ๆ
ทำให้โรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ถามหา
แต่เราสามารถขับไล่โรคทั้งสองได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
และสรรพคุณล้างพิษของสตรอวเบอร์รี่
3.กำราบโรคมะเร็ง กินสตรอวเบอร์รี่ทุกวัน สารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี โฟเลต และแอนโธไชยานินส์ ที่มีอยู่มากมายในสตรอวเบอร์รี่จะเข้าไปช่วยลดการเกิดโรค
4.ส่งเสริมการทำงานของสมอง เพราะมีวิตามินซี และไฟโตนิวเทรียนต์ ที่ทำให้อนุมูลอิสระหมดฤทธิ์ และคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ระบบประสาท แถมยังมีไอโอดีนที่ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
5.ลดความดันโลหิต หากโซเดียมเป็นตัวการทำให้เกิดความดันโลหิตสูง สตรอวเบอร์รี่ก็มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับความดันให้เป็นปกติ
6.ปราบโรคหัวใจ ใยอาหาร โฟเลต และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย แถมวิตามินบีบางชนิดที่พบได้ในสตรอวเบอร์รี่ จะเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)